อาจมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับลูกจ้างและนายจ้าง นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้

กฎหมายเกี่ยวกับที่ทำงานฉบับใหม่ถูกระบุว่าจะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะทำให้ยากขึ้นที่นายจ้างจะปฏิเสธคำร้องขอเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นและสภาพการทำงานอื่นๆ

A woman types on a laptop computer

The Albanese government has flagged changes to workplace laws. Source: AAP / MOODBOARD

กฎหมายใหม่ที่มุ่งปรับปรุงสภาพการทำงาน รวมถึงการทำให้ยากขึ้นที่นายจ้างจะปฏิเสธคำขอชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นนั้น กำลังก่อให้เกิดความขัดแย้ง

นายโทนี เบิร์ก รัฐมนตรีด้านการจ้างงานของรัฐบาลสหพันธรัฐ กล่าวว่า ร่างกฎหมายเพื่องานที่มั่นคงและค่าจ้างที่ดีขึ้น (Secure Jobs, Better Pay) ซึ่งเปิดตัวในรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว (27 ต.ค.) มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงสภาพการทำงานโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่ำและมีผู้หญิงทำงานเป็นส่วนใหญ่

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มนายจ้างที่กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะส่งผลกระทบ และกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า กฎหมายนี้จะบีบบังคับให้นายจ้างหลายรายจำใจต้องต่อรองกับลูกจ้าง เพิ่มการหยุดงานประท้วง และนำไปสู่อัตราการว่างงานที่สูงขึ้น

รองศาสตราจารย์ คริส ไรต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจ้างงานจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างลูกจ้างชายและหญิง

เขากล่าวว่าลูกจ้างในภาคอุตสาหกรรมด้านการบริการจะได้รับประโยชน์มหาศาล เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรม เช่น การค้าปลีก พืชสวน และผู้ที่ทำงานสำนักงานของภาคเอกชน

“อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอุตสาหกรรมที่ในปัจจุบันลูกจ้างมีความท้าทายหลักหลายอย่างในการที่จะสามารถเจรจาต่อรองกับนายจ้างของพวกเขา” รศ.ไรต์ กล่าว

แล้วร่างกฎหมายนี้เป็นอย่างไร? นี่คือการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ส่วนหนึ่งในร่างกฎหมายฉบับนี้
A man and a woman making coffee in a cafe
Hospitality workers are expected to benefit from new workplace laws. Source: AAP / Bianca De Marchi

ความลับเรื่องค่าจ้าง

นายจ้างจะไม่สามารถระบุในสัญญาที่ห้ามไม่ให้ลูกจ้างพูดคุยกันเกี่ยวกับค่าจ้างของตนได้อีกต่อไป

รศ.ไรต์กล่าวว่า การวิจัยแสดงให้เห็นว่าความลับเรื่องค่าจ้างไม่เป็นประโยชน์ต่อลูกจ้าง

“ยิ่งมีความโปร่งใสเรื่องค่าจ้างมากเท่าใด ก็จะยิ่งยุติธรรมมากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็เป็นผลดีลูกจ้างโดยทั่วไป และเป็นผลดีโดยเฉพาะลูกจ้างที่เป็นผู้หญิง ที่มีแนวโน้มจะได้รับค่าจ้างน้อยกว่าคนอื่น”

เขากล่าวว่าลูกจ้างที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อตกลงขององค์กร (enterprise agreements) มีแนวโน้มที่จะการระบุไว้ในสัญญาจ้างงานของพวกเขาเกี่ยวกับการเก็บเรื่องค่าจ้างเป็นความลับ ซึ่งทั้งในอุตสาหกรรมที่เป็นลูกจ้างส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง อุตสาหกรรมด้านการบริการ และงานสำนักงานในภาคเอกชน
ยิ่งมีความโปร่งใสเรื่องค่าจ้างมากเท่าใด ก็จะยิ่งยุติธรรมมากขึ้นเท่านั้น
รองศาสตราจารย์คริส ไรต์

สภาพการทำงานที่ยืดหยุ่นได้

ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ลูกจ้างสามารถขอสภาพการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงขอเปลี่ยนชั่วโมงทำงาน แต่ถ้าถูกนายจ้างปฏิเสธ ก็ไม่มีช่องทางอื่นใดที่จะท้าทายการตัดสินใจของนายจ้างได้

กฎหมายฉบับใหม่จะอนุญาตให้ลูกจ้างสามารถนำประเด็นนี้ไปขอให้คณะกรรมการแฟร์เวิร์ก (Fair Work Commission) พิจารณาอีกครั้งได้
นายเบิร์กกล่าวว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงมักถูกบังคับให้ออกจากงาน หรือทำงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าคนอื่นหรือมีความปลอดภัยน้อยกว่า เพื่อจะได้สามารถทำตามภาระผูกพันด้านการดูแลบุตรและการทำงาน

“สิ่งนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ความแตกต่างด้านค่าจ้างของชายหญิงขยายใหญ่ขึ้น” นายเบิร์กบอกกับรัฐสภา "เราต้องการให้ครอบครัวต่างๆ เข้าถึงงานที่ยืดหยุ่นได้มากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถแบ่งปันและบริหารจัดการด้านความรับผิดชอบในการดูแลบุตรของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น"
A man gestures as he speaks
นายโทนี เบิร์ก รัฐมนตรีสหพันธรัฐด้านการจ้างงาน กล่าวว่า กฎหมายด้านที่ทำงานที่มีในขณะนี้ใช้งานได้ไม่ได้ดีนัก Source: AAP / LUKAS COCH

อนุญาตให้ลูกจ้างร่วมกันต่อรองแบบเป็นกลุ่มได้มากขึ้น

นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันมากที่สุด และจะช่วยให้ง่ายขึ้นที่ลูกจ้างมากขึ้นจะร่วมกันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อเจรจาต่อรองสัญญาต่างๆ เช่น ข้อตกลงขององค์กร (enterprise agreements) ที่เป็นการเจรจากันระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างของตน

นี่จะช่วยให้ลูกจ้างในบางภาคส่วนต่างๆ เช่น ในอุตสาหกรรมการดูแลเด็ก สามารถรวมตัวกันและร่วมกันเจรจาข้อตกลงที่จะนำไปใช้ได้กับนายจ้างหลายบริษัท

รศ.ไรต์กล่าวว่า ความครอบคลุมจากข้อตกลงขององค์กร (enterprise agreements) ได้ลดน้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และสิ่งนี้ส่งผลกระทบโดยเฉพาะต่อผู้หญิง

นางซูซาน ลีย์ รองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน กล่าวว่าระบบการเจรจาต่อรองไม่ได้ล่มสลาย แต่ร่างกฎหมายที่เสนอมานี้จะทำลายความยืดหยุ่นที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเรื่องนี้

“รูปแบบนี้ ซึ่งเป็นการเจรจาต่อรองที่ใช้ทั่วทั้งอุตสาหกรรมจะเพิ่มการหยุดงานประท้วง” นางลีย์บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ปราบปรามสัญญา fixed-term contracts

ร่างกฎหมายนี้จะจำกัดการใช้สัญญาที่กำหนดระยะเวลาตายตัว (fixed-term contracts) โดยขณะนี้ลูกจ้างที่ทำงานโดยถือสัญญาเหล่านี้จะมีอายุสัญญาเพียง 1 หรือ 2 ปี และไม่จำเป็นต้องต่อสัญญาใหม่

แต่ภายใต้ร่างกฎหมายนี้นายจ้างจะสามารถใช้สัญญาที่กำหนดระยะเวลาตายตัว (fixed-term contracts) สำหรับตำแหน่งงานเดียวกันได้สูงสุด 2 ปีหรือสองสัญญาติดต่อกัน แล้วแต่ว่ากรณีใดจะสั้นกว่า

“ลูกจ้างมากกว่าครึ่งทั้งหมดที่ทำสัญญาจ้างงานระยะเวลาตายตัวนั้นเป็นผู้หญิง” นายเบิร์กกล่าว “และมากกว่าร้อยละ 40 ของพนักงานที่ทำงานภายใต้สัญญาที่กำหนดระยะเวลาตายตัวได้ทำงานอยู่กับนายจ้างผู้นั้นเป็นเวลา 2 ปีหรือมากกว่านั้น”

ความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงและการคุกคามทางเพศ

ร่างกฎหมายยังได้ริเริ่มให้มีบทบัญญัติจำนวนหนึ่งที่มุ่งเป้าไปที่ความเท่าเทียมทางเพศและห้ามการคุมคามทางเพศ

ความเท่าเทียมทางเพศจะถูกบรรจุเป็นเป้าหมายหลักของพระราชบัญญัติความยุติธรรมด้านการจ้างงาน (Fair Work Act) ซึ่งหมายความว่า คณะกรรมการแฟร์เวิร์ก (Fair Work Commission) จะต้องนำประเด็นนี้มาพิจารณาเมื่อทำสิ่งต่างๆ เช่น การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ การพิจารณาเปลี่ยนแปลงค่าจ้างขั้นต่ำประจำอุตสาหกรรม และการตัดสินใจอื่นๆ

ร่างกฎหมายนี้จะริเริ่มให้มีข้อห้ามที่ชัดเจนเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศภายใต้พระราชบัญญัติความยุติธรรมด้านการจ้างงาน (Fair Work Act) และคณะกรรมการแฟร์เวิร์กจะได้รับอนุญาตให้ดูแลข้อร้องเรียนทั้งหมด ไม่ว่าการคุกคามทางเพศจะเกิดขึ้นในอดีตหรือกำลังดำเนินอยู่ หรือทั้งสองอย่าง
A man's hand rests on a woman's knee
The new laws will also prohibit sexual harassment. Source: AAP

เหตุใดการเปลี่ยนแปลงจึงก่อให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างมาก?

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งออสเตรเลียได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และกล่าวว่ากฎหมายนี้จะส่งผลให้นายจ้างหลายรายต้องจำใจเจรจาต่อรอง โดยขัดกับความต้องการของพวกเขา

"ธุรกิจต่างๆ จะถูกบังคับให้ต้องยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เป็นเหมือนเสื้อผ้าที่มีขนาดเดียวแต่ใช้ได้กับทุกคน ซึ่งอาจใช้เงินมากเกินไปหรือไม่เหมาะสมกับความต้องการของที่ทำงานของพวกเขา นี่ไม่ใช่การเลือกที่จะเข้าร่วมก็ได้หรือไม่เข้าร่วมก็ได้” นาย แอนดรูว์ แมคเคลลาร์ ผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า

เขากล่าวว่าไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอเพื่อทำให้แน่ใจได้ว่าธุรกิจที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างจำกัดจะไม่ถูกบังคับให้ต้องร่วมกันเจรจากับลูกจ้าง

นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่ากฎใหม่ที่จะปกป้องการนัดหยุดงานประท้วง จะทำให้บางธุรกิจมีความเสี่ยงประสบกับการหยุดงานประท้วงทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรม

นายเบิร์กระบุว่ารัฐบาลยินดีพิจารณาข้อกังวลบางประการของภาคธุรกิจ

“ตัวอย่างเช่น หากคุณมีที่ทำงานบางแห่งที่นายจ้างไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ใช้ได้กับหลากหลายนายจ้าง และพนักงานไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนั้น เราต้องการทำให้แน่ใจได้ว่า พวกเขาก็จะไม่ถูกรวมอยู่ในข้อตกลง” นายเบิร์ก กล่าวกับเอบีซี นิวส์ เมื่อวันศุกร์

ประโยชน์ที่ได้รับจากการปกป้องเหล่านี้

รศ.ไรต์กล่าวว่า การวิจัยระหว่างประเทศและหลักฐานต่างๆ บ่งชี้ว่านโยบายดังกล่าวจะดีต่อธุรกิจและเศรษฐกิจ

เขากล่าวว่าปัญหาหนึ่งที่ว่าทำไมการขาดแคลนทักษะจึงเป็นปัญหามากมายขนาดนี้ในขณะนี้ ก็เนื่องมาจากลูกจ้างกำลังก้าวออกจากสาขาอาชีพที่พวกเขาทำ

“การมีการคุ้มครองที่แข็งแกร่งจะผลักดันให้นายจ้างต้องจ้างพนักงานอย่างมั่นคงมากขึ้น จ่ายค่าจ้างให้ดีขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เรารู้ว่าจะส่งผลทำให้พนักงานทำงานในตำแหน่งเหล่านั้นนานขึ้น” รศ.ไรต์ กล่าว

นอกจากนี้ นี่ยังจะนำไปสู่การมีผลิตภาพในการทำงานที่ดีขึ้น เนื่องจากพนักงานที่ทำงานมาระยะยาวมีความเข้าใจที่ดีกว่าถึงวิธีการดำเนินธุรกิจ และนายจ้างก็ไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินในการจ้างและฝึกอบรมพนักงานใหม่

"ในทางกลับกัน ลูกจ้างที่มีความมั่นคงในตำแหน่งงานและได้เงินเดือนที่ดีกว่า ก็มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะทุ่มเทให้บริษัทนั้น"

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share
Published 31 October 2022 1:54pm
By Charis Chang
Presented by Parisuth Sodsai
Source: SBS


Share this with family and friends