คำขอโทษจาก ผบ. ตร. รัฐวิกตอเรียกับเหตุพรากเด็กจากอกพ่อแม่ในยุค Stolen Genetation

VIC POLICE SORRY DAY APOLOGY

ผู้รอดชีวิตจากเหตุ Stolen Generations และลูกหลานเข้ารับฟังคำแถลงขอโทษของผู้บัญชาการตำรวจรัฐวิกตอเรีย เชน แพตตัน Source: AAP / DIEGO FEDELE/AAPIMAGE

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

ผบ. ตร. รัฐวิกตอเรียแถลงขอโทษผู้รอดชีวิตจากยุค ‘Stolen Generation’ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในการพรากเด็กๆ ชนพื้นเมืองจากครอบครัวในอดีต สร้างรอยร้าวในจิตใจจนถึงทุกวันนี้


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรมตำรวจแห่งรัฐวิกตอเรียแถลงขอโทษผู้รอดชีวิตจากเหตุ ‘Stolen Generation’ ยอมรับการทำงานในการบังคับพรากเด็กชนพื้นเมืองจากครอบครัว

ผู้บัญชาการกรมตำรวจ เชน แพตตัน (Shane Patton) กล่าวขอโทษ ระบุแม้จะไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ แต่จะเรียนรู้จากเหตุที่เกิดขึ้น

“ควรมีคนออกมากล่าวคำขอโทษตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ในฐานะผู้บัญชาการและในนามกรมตำรวจแห่งรัฐวิกตอเรีย ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่อกล่าวคำขอโทษอย่างเป็นทางการแก่ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุ ‘Stolen Generations’ และครอบครัว กับสิ่งที่กรมตำรวจรัฐวิกตอเรียกระทำในการพรากเด็กชาวอะบอริจินจากครอบครัวของพวกเขา จากวัฒนธรรม และจากดินแดนของพวกเขา”
ฟังพอดคาสต์ที่เกี่ยวข้อง
Sovereignty, Treaty, Recognition: Why is January 26 a difficult date for Indigenous Australians? image

เพราะเหตุใด 26 ม.ค. จึงเป็นวันที่ยากเย็นสำหรับชนพื้นเมืองออสเตรเลีย

SBS Thai

25/01/202116:01
ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการแถลงขอโทษเป็นเวลากว่า 27 ปี

และเป็นสิ่งที่คณะกรรมการสอบสวนเพื่อความยุติธรรมยูรุก (Yoorrook) แนะนำ

ประธานองค์กร Connecting Home เอียน แฮมม์ (Ian Hamm) องค์กรช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจาก Stolen Generations เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกพรากจากครอบครัวของเขา สนับสนุนการยอมรับถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ ตอนนี้ หลังจากการลงประชามติเมื่อปีที่แล้ว
"เมื่อชาวออสเตรเลียและชาววิกตอเรียส่วนใหญ่บอกว่าเราควรอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด มันไม่ใช่การลงประชามติเพื่อเปลี่ยนรัฐธรรมนูญในการที่เราจะสื่อสารกับรัฐบาล มันเป็นการสำรวจระดับชาติว่าสถานะของชาวอะบอริจินอยู่ตรงไหนในออสเตรเลีย ในศตวรรษที่ 21 และ 2 ใน 3 ของประชากรออสเตรเลียกล่าวว่า ระดับล่างสุด แม้ว่าจะมีความพยายามทาลิปสติกกลบคำกล่าวว่า ‘ไม่’ อย่างไร นั่นคือความเป็นจริง”

ผลจากการลงประชามติในปีนั้นยังคงกระทบกระเทือนชนพื้นเมืองอย่างหนักหน่วง คุณแฮมม์กล่าวว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่เราจะก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขในสิ่งที่ตำรวจทำกับชนพื้นเมืองออสเตรเลียในอดีตได้

“มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ควรทำ สิ่งเดียวที่ควรทำ มันไม่ใช่วันของการเฉลิมฉลอง ผมเห็นหน้าตาและน้ำตาของผู้คน มันเป็นความรู้สึกถูกปลดปล่อย เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผมเคยรู้สึกเมื่อผมได้เห็นอดีตนายกฯ เควิน รัดด์ กล่าวคำขอโทษทางหน้าจอ เป็นความรู้สึกที่ผมไม่ต้องโต้เถียงว่าเรื่องราวของผมเกิดขึ้นจริง เราไม่ต้องมานั่งพิสูจน์ว่าเรามีตัวตนอยู่จริง”
เมื่อ 16 ปีที่แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ (Kevin Rudd) กล่าวยอมรับถึงการปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อชนพื้นเมืองออสเตรเลียนานหลายทศวรรษ ที่รัฐสภา ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008

ครั้งนั้นฝูงชนรวมตัวกันที่โรงเรียน ห้องโถงชุมชนและที่ลานหน้ารัฐสภาเพื่อชมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ทั่วทั้งประเทศ
สำหรับความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน ความเสียหายของคนรุ่น Stolen Generations สำหรับลูกหลานของพวกเขาและครอบครัวที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เราขอโทษ
"ถึงพ่อแม่พี่น้อง และชุมชน ที่เราได้พรากพวกเขาออกจากกันและกัน เราขอโทษ สำหรับความไม่พอใจ ความด้อยค่าที่เราสร้างไว้แก่ผู้คนและวัฒนธรรมที่น่าภาคภูมิใจ เราขอโทษ”

คุณคุชชา เอ็ดเวิร์ดส (Kutcha Edwards) นักร้องชาวมุตติ-มุตติ (Mutti-Mutti) เกิดในยุค Stolen Generations

เมื่อเขาอายุได้ 18 เดือน เขาถูกพรากจากครอบครัวและพี่น้องอีก 5 คน

เขาขึ้นร้องเพลงที่งานและซาบซึ้งที่ได้รำลึกถึงแม่และครอบครัวของเขา

“หลายต่อหลายปีที่ผ่านไป เราทุกคนได้กลับบ้าน ในที่สุดแม่ก็ได้รับอนุญาตแล้ว ผมรู้ดีว่าเธอจะกลับบ้าน ชีวิตของพวกเราเปลี่ยนไปตลอดกาล นับตั้งแต่เราเดินผ่านประตูนั้นมา แต่ความเศร้า ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นเกินจะปล่อยผ่านไป”
ผู้บัญชาการแพตตันไม่สามารถระบุถึงจำนวนชนพื้นเมืองที่ถูกบังคับให้พลัดพรากจากกันได้ เนื่องจากไม่มีการเก็บบันทึกไว้

แต่ผลกระทบจากความเจ็บปวดและความโศกเศร้าส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

“ผมเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ที่ยังคงรู้สึกได้จนถึงทุกวันนี้ การยอมรับถึงความเสียหายใจอดีตเพียงอย่างเดียวนั้นยังคงไม่พอ กรมตำรวจรัฐวิกตอเรียมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงต่อไป และจะปฏิรูประบอบความอยุติธรรมกับชาวอะบอริจินที่ยังคงอยู่”

ผู้รอดชีวิตจาก Stolen Generations เมลิสซา บริกเคลส์ (Melissa Brickell) กล่าวว่าบาดแผลในอดีตจะยังคงอยู่ต่อไป

“ฉันอยู่ในป่าคอนกรีต อาศัยอยู่ในโลก 2 ใบ โลกของชาวอะบอริจินและคนขาว และไม่รู้ว่าฉันมีความสำคัญหรือไม่ เป็นเวลานานที่ฉันไม่รู้ว่าฉันควรอยู่ที่ไหน"
ฉันหวังว่าก้าวต่อไปของกรมตำรวจรัฐวิกตอเรียจะเป็นก้าวที่ดี ที่จะมีผลลัพธ์ที่ดี โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ และคนหนุ่มสาวชนพื้นเมือง และเกิดขึ้นในช่วงที่ฉันยังมีชีวิตอยู่
คุณบริกเคลส์กล่าว
Children hold Aboriginal flag
เด็กๆ ชนพื้นเมืองยืนถือธงของชาวอะบอริจิน Source: Getty / Getty Images/Don Arnold
กรมตำรวจแห่งรัฐวิกตอเรียกำหนดที่จะมีการปฏิรูปทั้งสิ้น 79 รายการ ภายในสิ้นปี 2025

รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเรื่องการติดตามและการรับผิดชอบ และการปฏิบัติตามวัฒนธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่คณะกรรมาธิการเพื่อความยุติธรรมยูร์รูกเสนอ

คาดว่าการไต่สวนจะสรุปผลได้ในปี 2025


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ 


บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share