'ฟื้นชีวิตซิดนีย์ยามค่ำคืน' ปลดล็อกค้าขาย 24 ชม.ก่อนสิ้นปี

NEWS: มุขมนตรีนิวเซาท์เวลส์จะยกเลิกกฎหมายจำกัดเวลาเปิดกิจการยามค่ำคืนในย่านซีบีดีของซิดนีย์ก่อนสิ้นปีนี้ หวังดันธุรกิจกลับมาคึกคัก

กฎหมายจำกัดเวลาปิดให้ลูกค้าเข้ายามดึก และการขายสุราให้ลูกค้ารอบสุดท้ายของบาร์และสถานบันเทิง หรือกฎหมายล็อกเอาต์ (lockout law) ที่กำลังเป็นข้อกังขา กำลังจะได้รับการยกเลิกในพื้นที่ซีบีดีส่วนใหญ่ของนครซิดนีย์ ด้านมุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์คาดว่า การยกเลิกกฎกมายดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวในยามค่ำคืน 

นางแกลดีส์ เบเรจิเกลียน (Gladys Berejiklian) มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ก.ย.) ว่า เธอยอมรับว่ามันถึงเวลาที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจยามค่ำคืนของนครซิดนีย์ หลังการพิจารณากฎหมายดังกล่าวระหว่างพรรค ร่วมกับคณะกรรมการสภานิติบัญญัติ เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
Inquiry urges end to Sydney lockout laws 'as soon as possible'
Inquiry urges end to Sydney lockout laws 'as soon as possible' Source: AAP
“ระหว่างที่เรารอรายงานจากคณะกรรมการสภานิติบัญญัติ ดิฉันยอมรับว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวยามค่ำคืน” นางเบเรจิเกลียนแถลงกับเอเอพี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ก.ย.)

“ซิดนีย์เป็นเมืองระดับโลก และเราต้องการให้การท่องเที่ยวยามค่ำคืนสะท้อนถึงสิ่งนั้น”

โดยมุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์จะเดินหน้าเพื่อยกเลิกกฎหมายล็อกเอาท์ ซึ่งจำกัดไม่ให้คนเข้าสถานบริการตั้งแต่เวลา 1:30 น. และให้บริการเครื่องดื่มรอบสุดท้ายสำหรับผู้ใช้บริการเวลา 3:00 น. ในพื้นที่ย่านซีบีดีของนครซิดนีย์ แต่กฎหมายดังกล่าวจะยังคงมีผลบังคับใช้ในย่านคิงส์ครอส (Kings Cross) เช่นเดิม

ทั้งนี้ กฎหมายล็อกเอาท์นั้นได้มีการประกาศบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2014 ในความพยายามที่จะลดเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลังเหตุการณ์ที่นายทอมัส เคลลี (Thomas Kelly) และนายแดเนียล คริสทีย์ (Daniel Christie) ถูกชกต่อยจนเสียชีวิต
NSW Premier Gladys Berejiklian looks set to ditch the controversial lockout laws.
NSW Premier Gladys Berejiklian looks set to ditch the controversial lockout laws. Source: AAP
นางเบเรจิเกลียนหวังว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงในข้อกฎหมายที่มีความขัดแย้งนี้ภายในสิ้นปี 2019 แต่อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า “เร็วเกินไป” จากกลุ่มรณรงค์ คีพ ซิดนีย์ เซฟ (Keep Sydney Safe) ซึ่งเป็นตัวแทนจากเจ้าหน้าที่บริการฉุกเฉินในรัฐนิวเซาท์เวลส์

นายโทนี ซารา โฆษกคีพ ซิดนีย์ เซฟ ออกมาเห็นแย้ง และระบุว่าการประกาศยกเลิกกฎหมายล็อกเอาท์จากมุขมนตรีนั้นน่ากังวล เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลจากรายงานสภานิติบัญญัติที่ยังไม่ได้เผยแพร่สู่สาธารณะ และได้ขอให้นางเบเรจิเกลียนแสดงที่มาของเอกสารดังกล่าว

“กระบวนการจากคณะกรรมการฝ่ายนิติบัญญัติไมไ่ด้รับการพูดถึงอย่างที่ควร นั่นชี้ให้เห็นว่าไม่มีการอ้างถึงรายงานจากคณะกรรมการอย่างเห็นได้ชัด เราไม่รู้เลยว่าพวกเขาสามารถวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รวมถึงแนวทางการรับมือเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยได้อย่างไร” นายแพทย์ซาราระบุในแถลงการณ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ก.ย.)

เขายังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ทำงานบริการฉุกเฉินรู้ดีถึงสิ่งที่จะตามมา หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย “รักษาความสงบ” นี้ และเตือนว่าตัวเลขเหตุทำร้ายร่างกายจะเพิ่มขึ้น
The laws were introduced in 2014 by Barry O’Farrell and while he was not the instigator, predecessor Mike Baird was widely accused of killing Sydney’s nightlife
The laws were introduced in 2014 by Barry O’Farrell and while he was not the instigator, predecessor Mike Baird was widely accused of killing Sydney’s nightlife Source: AAP
สำนักงานสถิติและการวิจัยอาชญากรรม (Bureau of Crime Statistics and Research) ได้เปิดเผยงานวิจัยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งชี้ให้เห็นว่า กฎหมายล็อกเอาท์ได้ลดจำนวนเหตุทำร้ายร่างกายลง แต่ทว่าผลดีของกฎหมายนี้กำลังลดลงไปเรื่อยๆ 

จากงานวิจัยพบว่า ตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎหมายล็อกเอาท์เป็นต้นมา เหตุทำร้ายร่างกายนอกเคหสถานลดลงร้อยละ 53 ในย่านคิงส์ ครอส และร้อยละ 4 ในพื้นที่ซีบีดี แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ตัวเลขเหตุรุนแรงในสถานบันเทิงในพื้นที่อื่นนอกซีบีดีกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 30

รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ

ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่

You can check out the full version of this story in English on SBS News .

Share
Published 12 September 2019 10:55am
Updated 12 September 2019 11:36am
Presented by Tinrawat Banyat


Share this with family and friends