ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลต่อชาวออสเตรเลียอย่างไรนอกปั๊มน้ำมัน

ขณะนี้ผู้คนในออสเตรเลียกำลังจ่ายมากขึ้นสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง มากกว่าที่เคยจ่ายมาในระยะเวลาหลายๆ ปี แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ได้แค่ส่งผลกระทบต่อกระเป๋าสตางค์ของเราที่ปั๊มน้ำมันเท่านั้น

A man pumps petrol at a service station in Melbourne, Monday, Aug. 27, 2012. (AAP Image/Julian Smith) NO ARCHIVING

A man pumps petrol at a service station in Melbourne, Monday, Aug 27, 2012. Source: AAP

การรุกรานยูเครนของรัสเซียส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก

ในออสเตรเลีย ราคาน้ำมันในวันจันทร์ (14 มี.ค.) พุ่งเกิน 2.20 ดอลลาร์ต่อลิตรในเขตชานเมืองบางแห่ง และมากกว่า 3 ดอลลาร์ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค

รายงานการเฝ้าติดตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุดของ คณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) ชี้ว่าราคาน้ำมันในเดือนกุมภาพันธ์ในเมืองใหญ่ที่สุด 5 แห่งของออสเตรเลียได้เพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี

ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นอีกในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม โดยราคาน้ำมันดีเซลก็สูงขึ้นเช่นกัน

แต่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นนั้นส่งผลกระทบอะไรอีกบ้าง นอกเหนือจากราคาน้ำมันที่เราต้องจ่ายที่ปั๊ม?

เพิ่มแรงกดดันทางการเงินต่อคนขับรถบรรทุกและคนขับรถส่งของ

สหภาพแรงงานคมนาคม (TWU) กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงกำลัง “ส่งผลกระทบร้ายแรง” ต่อกำไรที่ก็ไม่มากอยู่แล้วของคนขับรถบรรทุกและคนขับรถส่งของทั่วออสเตรเลีย

คุณนิก แม็กอินทอช ผู้ช่วยเลขาธิการแห่งชาติของ TWU บอกกับเอสบีเอส นิวส์ (SBS News) ว่าคนขับรถบรรทุกและคนขับรถส่งของที่ผู้ที่เป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจของตนเองนั้นเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยบางคนไม่สามารถทำกำไรได้เลยจากการทำงาน
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงกำลัง “ส่งผลกระทบร้ายแรง” ต่อกำไรที่ก็ไม่มากอยู่แล้วของคนขับรถบรรทุกและคนขับรถส่งของ
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงกำลัง “ส่งผลกระทบร้ายแรง” ต่อกำไรที่ก็ไม่มากอยู่แล้วของคนขับรถบรรทุกและคนขับรถส่งของ Source: Pixabay
“เรากำลังเห็นคนขับระยะไกลที่ต้องจ่ายเงิน 300 ดอลลาร์หรือมากกว่าทุกครั้งที่เติมน้ำมัน เราเห็นคนทำงานแบบกิ๊กอีโคโนมี (gig economy) ที่ขณะนี้พวกเราพึ่งพาในการนำอาหารมาส่งให้ นำของชำมาส่งให้ พวกเขาไม่มีรายได้มากกว่านี้ และพวกเขากำลังต้องแบกภาระต้นทุนเหล่านี้ทั้งหมด” คุณแม็กอินทอช กล่าว

“นั่นหมายถึงพวกเขาต้องยอมสละบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมบำรุงรถบรรทุกของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำหรับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินค่าผ่อนบ้านก็ตาม พวกเขาไม่สามารถตามทันกับค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ได้ ”

คุณแม็กอินทอช กล่าวว่า ในหลาย ๆ กรณี พวกเขาไม่ได้รับค่าชดเชยใดๆ จากผู้ที่อยู่สูงขึ้นไปในซัพพลายเชน (supply chain หรือห่วงโซ่อุปทาน) หากราคาน้ำมันสูงขึ้น

เขาบอกว่านั่นส่งผลให้คนขับรถบรรทุกและคนขับรถส่งของบางคนล้มละลาย

“กิ๊กอีโคโนมี (gig economy) ซึ่งผู้คนได้รับค่าจ้างต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำมากอยู่แล้ว โดยไม่มีสิทธิและการคุ้มครองที่แท้จริง เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านั้นต้องแบกรับต้นทุกเหล่านั้นเอง สูงขึ้นไปจนไปถึงคนที่แท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนทุกซอกทุกมุมของประเทศ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาเงินมาชดเชยต้นทุนเหล่านั้นได้เช่นกัน”

ต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับของกินของใช้ภายในบ้าน

การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและต้นทุนอื่นๆ ทั่วทั้งซัพพลายเชน (supply chains หรือห่วงโซ่อุปทาน) หมายความว่า ผู้คนในออสเตรเลียจะต้องจ่ายมากขึ้นสำหรับค่าของกินของใช้ภายในบ้านและสินค้าอื่นๆ

คุณมาร์คัส คาร์มอนต์ กรรมการบริหารของบริษัทที่ปรึกษาด้านซัพพลายเชนของ TMX Global กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า ก่อนหน้านี้บริษัทต่างๆ จะสามารถแบกรับต้นทุนส่วนใหญ่ได้

“แต่ขณะนี้ถึงจุดที่ไม่คุ้มที่จะแบกรับภาระส่วนนี้ และมันกำลังส่งผลกระทบที่สำคัญต่อผลกำไรของธุรกิจ” คุณ คาร์มอนต์ กล่าว
File image of shoppers queuing at the registers at a Coles supermarket in Sydney
File image of shoppers queuing at the registers at a Coles supermarket in Sydney Source: AAP
เขายังบอกอีกว่า คาดว่าผู้บริโภคจะต้องจ่ายมากกว่าเดิมราว 10-20 เปอร์เซ็นต์สำหรับของกินของใช้ในบ้านและสินค้าอื่นๆ อีกสักระยะ

“ถ้าราคาน้ำมันลดลง ก็อาจทำให้ผลกระทบลดลงได้ แต่ไม่ว่าในกรณีใด เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของค่าขนส่ง การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และค่าแรงงาน” คุณ คาร์มอนต์ กล่าว

“ในฐานะที่ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีปริมาณการนำเข้าสินค้ามากกว่าการส่งออกสินค้า เราจึงต้องเผชิญกับความผันผวนในซัพพลายเชน และเมื่อเราอยู่ห่างจากศูนย์กลางต่างๆ เหล่านี้ โดยทั่วไปแล้วเราจึงรู้สึกได้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น”

การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะช่วยได้หรือไม่?

มีการเรียกร้องทั้งภายนอกและภายในรัฐบาลให้ลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดแรงกดดันต่อราคาน้ำมันที่ผู้คนในออสเตรเลียต้องจ่าย

ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตตั้งไว้ที่ราว 44 เซ็นต์ต่อลิตร ซึ่งสร้างรายได้ในแก่รัฐบาลจากภาษีส่วนนี้ราว 11,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ถูกนำไปลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสมาชิกอิสระ เร็กซ์ แพทริก เรียกร้องให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งจะหมายความว่าราคาน้ำมันต่อลิตรจะลดลงราว 22 เซ็นต์

ครั้งล่าสุดที่มีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงคือในปี 2001 เมื่อนายกรัฐมนตรี จอห์น ฮาเวิร์ด ลดภาษีนี้ลง 1.5 เซ็นต์ และระงับการปรับค่าตามดัชนีราคา (indexation) ไว้ครึ่งปี

ดร.วลาโด วิโวดา อาจารย์อาวุโสด้านยุทธศาสตร์ศึกษาที่มหาวิทยาลัยดีคิน (Deakin) ในเมลเบิร์นบอกกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า มาตรการนี้นั้นแม้ว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้ในระยะสั้น แต่ความผันผวนของตลาดหมายความว่า นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

“จะเกิดอะไรขึ้นหากราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล?”

“ในระยะยาว มันไม่ได้ส่งเสริมการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือกในภาคการขนส่ง และมันทำให้เราพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และต้องขึ้นอยู่กับความปราณีของตลาดน้ำมันระหว่างประเทศ”

นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่าการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงอาจหมายถึงเงินทุนที่น้อยลงสำหรับการบำรุงรักษาถนน

“รัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำให้ถนนปลอดภัยสำหรับให้ชาวออสเตรเลียทุกคนใช้” ดร.วิโวดา กล่าว

“ผมคิดว่านั่นควรเป็นวัตถุประสงค์หลักมากกว่าการมีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกกว่า”

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวเมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) ว่า จะไม่มีการประกาศเกี่ยวกับการตัดสินใจใดๆ ของรัฐบาลสหพันธรัฐเพื่อบรรเทาแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน จนกว่าจะมีการแถลงร่างงบประมาณของรัฐบาลกลางในวันที่ 29 มีนาคม

สหภาพแรงงานคมนาคม (TWU)  กล่าวว่ารัฐบาลจำเป็นต้องให้การสนับสนุนอย่างมุ่งมั่นและตรงเป้าหมายให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์และผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อให้พวกเขาสามารถรักษาธุรกิจให้ปลอดภัยและดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน

“เราเปิดกว้างที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลในเรื่องนี้ แต่คำตอบที่แท้จริงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะสั้นแบบแค่นำพลาสเตอร์ยาไปปิด” Nick McIntosh กล่าว

“แรงกระแทกจากภายนอกเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในบางช่วงของเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นเสมอ และจะเกิดขึ้นต่อไป”

ประเทศอื่นกำลังแก้ปัญหานี้อย่างไร?

ฝรั่งเศสจะให้ส่วนลด 15 เซ็นต์ยูโร (หรือคิดเป็นเงินดอลลาร์ออสเตรเลียราว 22 เซ็นต์) ต่อลิตร เป็นเวลาสี่เดือนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์รับมือกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นที่ปั๊มน้ำมันได้ จัดการกับราคาที่สูงขึ้นที่ปั๊ม

นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (14 มี.ค.) ว่ารัฐบาลของเธอจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำเชื้อเพลิงและค่าธรรมเนียมผู้ใช้ถนนลงตั้งแต่เที่ยงคืน เพื่อทำให้การเติมน้ำมันเชื้อเพลิงถูกลง

ค่าใช้บริการขนส่งสาธารณะจะลดลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลาสามเดือนด้วย โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด

หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย

โอมิครอนทำผู้ติดเชื้อในไทยพุ่งอีกรอบ



 


Share
Published 15 March 2022 12:51pm
By Amy Hall
Presented by Parisuth Sodsai

Share this with family and friends