การเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าและทิศทางรัฐบาลออสฯ ปีงบฯ 2022-23

เริ่มปีการเงินใหม่ 1 ก.ค.นี้ รีเซ็ตโควตาโครงการอพยพย้ายถิ่นประเทศ เปิดโอกาสรับผู้อพยพย้ายถิ่นจากต่างประเทศ ขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับผู้ถือวีซ่าออสเตรเลียหลายประเภทเพื่อตอบสนองวิกฤตโควิดที่คุณต้องรู้

Australian visa changes

Australian visa changes for 2022-23 and what a new government may bring Source: SBS News

ประเด็นสำคัญ
  • เริ่มปีการเงินใหม่ รัฐบาลออสฯ ปรับเงื่อนไขวีซ่าหวังแก้วิกฤตขาดคนทำงาน จับตาเส้นทางขอพีอาร์ง่ายขึ้นของผู้ถือวีซ่าแรงงานทักษะชั่วคราวที่ไม่มีการจำกัดอายุแล้ว 
  • ส่วน นศ.ต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาในออสฯ แต่ต้องบินกลับช่วงโควิดระบาด จะขอวีซ่าทดแทนเพื่อกลับมาออสฯ​ ได้อีกครั้ง
  • ปลดล็อกวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ รัฐบาลเตรียมเพิ่มโควตา และเพิ่มเกณฑ์อายุสูงสุดในหลายประเทศ ขณะที่ภาคธุรกิจเรียกร้องให้มีคนทำงานมากขึ้น
  • จับตาทิศทางรัฐบาลออสฯ รัฐบาลใหม่ย้ำต้องแก้เรื่องคำขอวีซ่าตกค้างเป็นความสำคัญอันดับแรก ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ภายในปีนี้เป็นอย่างน้อย
การเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าออสเตรเลียตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ จะมอบเส้นทางใหม่สำหรับแรงงานมีทักษะสู่การเป็นผู้อาศัยถาวร (พีอาร์) มีตำแหน่งมากขึ้นสำหรับคนทำงานเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ และโอกาสที่ผู้สำเร็จการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดพรมแดนในสถานการณ์โควิด-19 ในการได้ชดเชยช่วงเวลาวีซ่าที่เสียไประหว่างที่ติดค้างอยู่นอกออสเตรเลีย

เบน วัตต์ (Ben Watt) นักกฎหมายซึ่งทำงานกับตัวแทนด้านการอพยพย้ายถิ่น “วีซ่าเอนวอย (VisaEnvoy)" กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่งโอกาสที่ “น่าตื่นเต้น” สำหรับบางคน พร้อมกับการให้ความสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19

“มันเป็นเรื่องลำบากมากสำหรับหลายคนและหลายอุตสาหกรรมในการเติมเต็มภาวะขาดแคลนคนทำงาน โดยเฉพาะในทักษะอาชีพบางสาขา” คุณวัตต์ กล่าว

“สิ่งที่สิ่งนี้จะทำคือการเติมคนเข้าไปในระบบให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
คุณวัตต์ กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ได้รับการมองว่าเป็นรางวัลสำหรับผู้ถือวีซ่าบางส่วนที่อดทนและยังคงอยู่ในออสเตรเลียในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่

“มีความยากลำบากมากมายสำหรับคนที่อยู่ที่นี่ด้วยวีซ่าชั่วคราวในช่วงโควิด เพราะมันมีความไม่แน่นอนมากมาย”

“ผู้คนจำนวนมากตกงานหรือถูกสั่งให้พักงาน พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงเงินสวัสดิการได้”

“มีความยากลำบากหลายรูปแบบที่กลุ่มผู้ถือวีซ่าชั่วคราวต้องเผชิญ”

ต่อไปนี้คือการเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าที่สำคัญ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้

Temporary skill shortage visas (วีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้มีทักษะแรงงานที่ขาดแคลน)

ผู้ถือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้มีทักษะแรงงานที่ขาดแคลน (TSS) ซับคลาส 482 จะสามารถยื่นขอเป็นผู้อาศัยถาวร (พีอาร์) ได้ง่ายขึ้น

ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ในออสเตรเลียมีผู้ถือวีซ่า 482 จำนวน 52,440 คน ซึ่งนับรวมผู้ถือวีซ่าที่เกี่ยวข้องอย่างซับคลาส 457 (Temporary Work (Skilled) visa) ที่ยุติการออกให้กับผู้สมัครใหม่ในเดือนมีนาคม 2018

โดยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ ผู้ถือวีซ่าทั้งสองประเภทจะสามารถยื่นสมัครวีซ่า Temporary Residence Transition (วีซ่าชั่วคราวสำหรับการเปลี่ยนผ่านเป็นผู้อาศัย หรือวีซ่า TRT) ซึ่งจะทำให้แรงงานที่มีทักษะอาชีพซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยนายจ้างอาศัยและทำงานอยู่ในออสเตรเลียได้อย่างถาวร

แต่เงื่อนไขใหม่นี้มีระยะเวลาเพียง 2 ปี นับตั้งแต่วันที่การเปลี่ยนแปลงล่าสุดมีผล
ลุค เอ็ดเวิร์ดส์ (Luke Edwards) ผู้ช่วยทนายจาก Work Visa Lawyers กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงชั่วคราวนี้จะทำให้ผู้ถือวีซ่าเหล่านี้เข้าถึงการได้อาศัยอยู่ในออสเตรเลียอย่างถาวรได้มากขึ้น

“(ผู้ถือวีซ่านี้) หลายคนเริ่มต้นบนเส้นทางที่ยากและไม่มีหลักประกันในการได้เป็นผู้อาศัยถาวร สิ่งที่ผมได้ยินจากลูกค้าและหลายคนคือพวกเขาตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสนี้...ที่จะได้อยู่ในออสเตรเลีย” คุณเอ็ดเวิร์ดส์ กล่าว

ผู้ที่มีสิทธิ์ยื่นสมัครจะต้องเคยอยู่ในออสเตรเลียเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2020 ถึงวันที่ 14 ธ.ค. 2021

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลกับผู้ถือวีซ่าซับคลาส 457 (Temporary Work (Skilled)) ทีมีอาชีพอยู่ในรายชื่ออาชีพทักษะระยะสั้น (Short-term skilled occupation list หรือ STSOL) อีกด้วย

โฆษกจากหน่วยงานมหาดไทยของออสเตรเลียได้ระบุกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า “การลดหย่อนกรณีพิเศษ” ดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นคุณค่าของ “ผู้อพยพย้ายถิ่นที่มีทักษะสูงเหล่านั้น ซึ่งเลือกอาศัยอยู่ในออสเตรเลียไปตลอดการแพร่ระบาดใหญ่”

“นี่จะเปิดโอกาสให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ด้วยเส้นทางในการอยู่ที่นี่ ด้วยเส้นทางสู่การเป็นพลเมืองออสเตรเลีย” โฆษกหน่วยงานมหาดไทยออสเตรเลีย ระบุ

ข้อยกเว้นการจำกัดอายุ

อีกการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่จะมีผลต่อผู้ถือวีซ่า 457 (Temporary Work (Skilled) visa) คือการไม่จำกัดอายุในการยื่นขอสถานะผู้อาศัยถาวร (พีอาร์) ผ่านช่องทางวีซ่าชั่วคราวสำหรับการเปลี่ยนผ่านเป็นผู้อาศัย (TRT Stream) อีกต่อไป

คุณเอ็ดเวิร์ดส์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้ถือวีซ่าดังกล่าวที่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป จะมีเส้นทางที่จำกัดหรือไม่มีเลยในการขอเป็นผู้อาศัยถาวร

“มีบางคนที่ได้ทำงานในออสเตรเลียมานานมากแล้วโดยได้รับการสปอนเซอร์จากนายจ้าง พวกเขาไม่สามารถขอเป็นผู้อาศัยถาวรได้สำเร็จในช่วงที่พวกเขายังอายุน้อย และตอนนี้ก็อายุมากเกินกว่าที่ระบบจะรับ การเปลี่ยนแปลงนี้คือสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมายาวนาน” คุณเอ็ดเวิร์ดส์ กล่าว

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลเป็นระยะเวลา 2 ปีเท่านั้น นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

ผู้ที่มีสิทธิ์ยื่นสมัครจะต้องถือวีซ่า 457 ตั้งแต่หรือหลังจากวันที่ 18 เม.ย. 2017 เป็นต้นมา และจะต้องเคยอาศัยอยู่ในออสเตรเลียในช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2020 – 14 ธ.ค. 2021 เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี

วีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา (Temporary graduate visa)

ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ ทั้งผู้ถือวีซ่าและอดีตผู้ถือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา (Temporary graduate visa) ซึ่งสูญเสียเวลาไปจากมาตรการจำกัดห้ามการเดินทางในในสถานการณ์โควิด-19 จะสามารถยื่นขอวีซ่าทดแทนได้

ผู้ที่มีสิทธิ์ยื่นขอจะต้องถือวีซ่าดังกล่าวที่เป็นปัจจุบัน หรือเคยถือวีซ่านี้และหมดอายุลงในวันหรือหลังจากวันที่ 1 ก.พ. 2020 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ผู้มีสิทธิ์จะต้องเคยอยู่นอกออสเตรเลียระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2020 – 15 ธ.ค. 2021

มาตรการดังกล่าวได้มีการประกาศออกมา โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือวีซ่าและอดีตผู้ถือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาราว 30,000 คน
คุณวัตต์ กล่าวว่า เพราะประสบการณ์ในการศึกษาของบัณฑิตเหล่านี้ พวกเขามีศักยภาพที่จะมอบการสนับสนุนเชิงบวกให้กับตลาดแรงงงานได้อย่างรวดเร็ว

“เรามีกลุ่มขนาดใหญ่ของผู้ที่มีทักษะยอดเยี่ยม มีการศึกษาของออสเตรเลียที่ยอดเยี่ยม ซึ่งไม่มีโอกาสได้อยู่และใช้เวลาในวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาที่นี่” คุณวัตต์ กล่าว

ด้านโฆษกหน่วยงานมหาดไทยออสเตรเลีย ระบุว่า “วีซ่าทดแทนนี้จะบรรเทาสถานการณ์สำหรับผู้ที่พลาดช่วงเวลาอาศัยอยู่ด้วยวีซ่า TGV เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19”

ตามปกติแล้ว ผู้ยื่นสมัครจะถูกจำกัดอยู่ที่วีซ่าซับคลาส 485 ที่ได้ในตอนแรกเพียงอย่างเดียว ส่วนวีซ่าต่อ ๆ ไป จะมีให้บนพื้นฐานของการทำงานและการศึกษาในพื้นที่ส่วนภูมิภาคเท่านั้น

วีซ่าเวิร์กกิงฮอลิเดย์

มาตรการปิดพรมแดนจากสถานการณ์โควิด-19 หมายความว่าคนทำงานเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ถูกกีดกันจากการเดินทางมายังออสเตรเลีย ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ตามปกติแล้วพึ่งพาคนทำงานในกลุ่มนี้

แต่นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป จะมีการเพิ่มเพดานรับอีกร้อยละ 30 เฉพาะในปีงบประมาณ 2022-23 เท่านั้น ให้กับตำแหน่งวีซ่าที่มีให้สำหรับคนทำงานเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์จากประเทศต่าง ๆ ที่เผชิญกับเพดานรับเข้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงของวีซ่าซับคลาส 462 (Work and Holiday)

ตั้งแต่ปีการเงินใหม่นี้เป็นต้นไป มองโกเลียและบราซิลจะเข้าถึงโครงการวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ของออสเตรเลียได้ และจะมีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกี่ยวกับกำหนดอายุสูงสุดและเพดานรับคนทำงานสูงสุดสำหรับบางประเทศ ขณะที่กำหนดอายุสูงสุดของคนทำงานเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ชาวอิตาเลียนและชาวเดนิชจะเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 35 ปี

นอกจากนี้ ยังจะมีการเพิ่มเพดานรับคนทำงานสูงสุดสำหรับข้อตกลงวีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์สำหรับเทศฮังการี ออสเตรีย และสาธารณรัฐสโลวัก รวมทั้งหมด 1,400 ตำแหน่ง

คุณเอ็ดเวิร์ดส์ กล่าวว่า บางภาคส่วน “กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก” จากคนทำงานเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนคนทำงาน

“มีการเรียกร้องอย่างมากโดยเฉพาะจากพื้นที่ส่วนภูมิภาคของออสเตรเลียและธุรกิจฟาร์ม เพื่อให้มีคนทำงานมากขึ้น และมีคนทำงานตามฤดูกาลมากขึ้นเหมือนกับที่วีซ่าเวิร์กแอนด์ฮอลิเดย์ได้มอบให้” คุณเอ็ดเวิร์ดส์ กล่าว

ทิศทางเรื่องวีซ่าของรัฐบาลใหม่เป็นอย่างไร

นอกจากเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านวีซ่าแล้ว วันที่ 1 ก.ค.นี้ ยังเป็นวันของการรีเซ็ทตำแหน่งในการรับต่าง ๆ ในโครงการอพยพย้ายถิ่นของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับผู้อพยพย้ายถิ่น โดยเส้นทางต่าง ๆ สำหรับคนทำงานที่มีทักษะในการเดินทางมายังออสเตรเลียกำลังจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 ตำแหน่ง

ในการผลักดันเพื่อจุดสำคัญใหม่บนเส้นทางของการเป็นผู้อาศัยถาวร เพื่อต่อสู้กับความไม่มั่นคงจากการเพิ่มขึ้นของการอพยพย้ายถิ่นชั่วคราว แต่รัฐบาลใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้สืบทอดโครงการอพยพย้ายถิ่นเดิมซึ่งยังคงดิ้นรนจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดใหญ่ และได้กล่าวว่า

การตัดสินใจของรัฐบาลชุดก่อนเกี่ยวกับกรอบการทำงานของวีซ่านั้นจะยังคงมีการดำเนินการต่อไป ขณะที่บางส่วนมีความเกี่ยวของกับผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง

นายวัตต์ กล่าวว่า ประชาชน “ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่โต” กับระบบวีซ่าที่จะเกิดขึ้นในทันที เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล

“มันจะต้องใช้เวลาเป็นปีหรืออย่างน้อย 12 เดือนก่อนที่เราจะได้เป็นการเปลี่ยนทิศทางหรือการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่” นายวัตต์ กล่าว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 29 June 2022 4:46pm
Updated 18 August 2022 6:05pm
By Tom Stayner
Presented by Tinrawat Banyat
Source: SBS News


Share this with family and friends